ฝุ่นละออง PM 2.5 คืออะไร
ฝุ่นละออง PM 2.5 คือ ฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน
เป็นมลพิษฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมของคนเราที่มีขนาด 50-100 ไมครอน และเม็ดเลือดที่มีขนาด 5 ไมครอน กล่าวคือ
เล็กมากจนสามารถเล็ดลอดผ่านขนขมูกเข้าสู่ร่างกายได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งฝุ่นมีขนาดเล็กเท่าใดก็จะยิ่งเข้าสู่ปอด เข้าสู่เส้นเลือดฝอย
และกระจายไปตามอวัยวะได้มากเท่านั้น (ฝุ่นนี้จะมีลักษณะที่ขรุขระคล้ายสำลี
ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นพาหะที่นำสารอื่น ๆ เข้ามาในร่างกายด้วย เช่น ปรอท แคดเมียม
โลหะหนัก ไฮโดรคาร์บอน และสารก่อมะเร็งจำนวนมาก)
เมื่อฝุ่นนี้เข้าไปในปอด
ปอดก็จะป้องกันตัวเองด้วยการห่อหุ้มฝุ่นเพื่อกำจัดฝุ่นและทำให้เกิดผังพืดในปอด
ถ้าสะสมเป็นเวลานานก็จะทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้ เช่น โรคปอดอักเสบ
และอาจก่อให้เกิดมะเร็งได้
ซึ่งคนที่ไวต่อโรคแบบนี้มากที่สุดก็คือคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว
(เช่น หอบหืด) หากได้รับฝุ่นละอองเข้าไปอีก อาการก็จะรุนแรงมากกว่าคนปกติ
ฝุ่นละอองขนาดเล็กเหล่านี้ หลัก ๆ แล้วจะเกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง
การเผาในที่โล่ง และจากการก่อสร้าง
นอกจากนั้นยังอาจเกิดจากการรวมตัวของสารเคมีอย่างเช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) กับ ออกไซด์ของไนโตรเจน (NOX) ซึ่งสารทั้งสองตัวนี้ก็เป็นผลผลิตจากการเผาไหม้น้ำมันดีเซล
การผลิตไฟฟ้า และโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ แล้วถูกลมพัดพาออกไปตามธรรมชาติ
แต่ด้วยปริมาณฝุ่นที่มีจำนวนมาก ประกอบด้วยสภาพอากาศที่มีลมนิ่ง
และมีความกดอากาศสูง
จึงทำให้ฝุ่นเหล่านี้ลอยตัวอยู่เหนือแหล่งกำเนิดของมันและไม่ถูกลมพัดพาไป
(นั่นก็คือตัวเมืองกรุงเทพนั่นเอง)
คำแนะนำในการเลือกซื้อและใช้หน้ากากกันฝุ่น
PM 2.5
ผ่านการรับรองหรือได้รับมาตรฐาน
ก่อนซื้อหน้ากากกันฝุ่น PM
2.5 ทุกครั้ง
คุณควรเช็คให้ชัวร์เสียก่อนว่าหน้ากากที่จะซื้อนั้นผ่านการรับรองมาตรฐานหรือไม่
(ตามที่ระบุไว้ในหัวข้อ มาตรฐานของหน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5 ด้านบน)
เลือกมาตรฐาน N95, KN95, P2 หรือ FFP2
เป็นอย่างน้อย และดีสุดคือมาตรฐาน N100, KN100, P3 หรือ FFP3
ระวังหน้ากาก N95 ปลอม ! โดยเฉพาะยี่ห้อยอดนิยมอย่าง 3M ซึ่งคุณควรเลือกซื้อหน้ากากจากร้านที่เชื่อถือได้เท่านั้น
มีราคาเหมาะสมไม่ถูกจนเกินไป
พิจารณาให้ดีก่อนซื้อหน้ากากป้องกันฝุ่น
PM 2.5 ตั้งแต่ข้อดี-ข้อเสียของหน้ากากแต่ละรุ่น
รูปร่างและ Option ต่าง ๆ ของหน้ากาก
ความสบายในการสวมใส่ มีอากาศรั่วเข้าจากขอบหรือรั่วน้อยที่สุด ขนาดของหน้ากาก ฯลฯ
แล้วเลือกใช้ตามความเหมาะสม
รูปร่างของหน้ากาก
มีผลต่อความสบายและการรั่วไหลของอากาศจากข้างนอก คือแทนที่ฝุ่น PM 2.5 จะผ่านแผ่นกรองเข้ามา
ก็รั่วเข้ามาตามขอบ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นอากาศที่ไม่ได้ผ่านการกรอง
ในการเลือกซื้อจึงต้องเลือกจากรูปร่างของหน้ากากที่เหมาะสมกับใบหน้า
มีขนาดพอดีกับใบหน้า (เนื่องจากบางรุ่นจะแบ่งเป็นขนาดเล็ก กลาง ใหญ่
หรือแบ่งเป็นรุ่นสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ผู้ซื้อจึงควรดูให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อด้วย)
ซีลโดยรอบได้ดีไม่มีอากาศรั่วจากขอบ แต่ก็ต้องใส่แล้วรู้สึกสบาย
และดูไม่ขัดเขินหรือแปลกตาจนเกินไป (สำหรับบางคน)
อลูมิเนียมบริเวณดั้งจมูกและฟองน้ำรองด้านใน
ซึ่งเวลาใส่เราต้องกดอลูมิเนียมให้แนบไปกับจมูกเพื่อให้อากาศรั่วไหลน้อยที่สุดและทำให้ไอร้อนจากการหายใจไม่ลอยขึ้นบนจนร้อนหน้าแสบตาหรือทำให้แว่นเป็นฝ้า
(สำหรับหน้ากากบางรุ่นที่ไม่ใช่หน้ากากแบบถอดซักก็จะมีฟองน้ำนุ่ม ๆ
รองรับตัวหน้ากากอยู่ด้านล่างด้วยเพื่อป้องกันการระคายเคืองตอนกดอลูมิเนียมและช่วยลดการเสียดสีไปมาระหว่างขอบหน้ากากกับใบหน้า)
รูปแบบของสายรัด
จะมีอยู่ 2 แบบหลัก ๆ คือ
แบบสายรัดศีรษะด้านหลัง (สวมใส่ยาก แต่กระชับ) กับแบบคล้องหู (สวมใส่ง่าย
แต่ไม่กระชับเท่าแบบสายรัดศีรษะด้านหลัง
แต่บางยี่ห้อจะมีตัวปรับสายคล้องหูมาให้ด้วย)
วาล์วระบายอากาศ
อีกหนึ่ง Option สำคัญของหน้ากากกันฝุ่นรุ่นท็อป
ซึ่งจะมีวาล์วระบายอากาศติดอยู่ตรงด้านข้างหรือตรงกลางของหน้ากาก
ทำหน้าที่ช่วยระบายความร้อนบริเวณใบหน้าไม่ให้เกิดความอับชื้นหรืออบหน้าจนเกินไป
โดยวาล์วนี้จะเปิดเฉพาะตอนหายใจออกและปิดตอนที่เราหายใจเข้า
ทำให้มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM 2.5
อยู่เช่นเดิม แต่ระบายอากาศได้ดีกว่า Option จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่ชอบความอับชื้น
ผู้ที่ใส่แว่นที่ไม่อยากเจอปัญหาแว่นเป็นฝ้าตอนหายใจออก รวมไปถึงสาว ๆ
ที่ต้องแต่งหน้าที่กังวลว่าเครื่องสำอางจะละลายหรือทำให้เปื้อน เกิดความเหนอะหนะ
ขอขอบคุณที่มา
ข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Med Thai)
ภาพประกอบ : Ali express