1. เริ่มต้นที่การตักทีละน้อย
ตักแต่พอดี
แม้การรับประทานแบบบุฟเฟ่ต์
จะไม่มีข้อจำกัดในด้านปริมาณอาหารที่คุณจะตัก
แต่การตักทีละน้อยในแต่ละชนิดอาหารที่คุณเลือกแต่พอดี ช่วยให้คุณรู้สึกอร่อยกับอาหารที่ทานได้มากกว่าการเลือกตักแต่ของที่ชอบในปริมาณมาก
เพราะคุณจะได้ไม่ต้องฝืนกิน อิ่มแล้วแต่ของที่ตักยังไม่หมด
ทำให้ต้องฝืนรับประทานต่อทั้งที่ความอยากในรสชาติ และความหิวไม่หลงเหลืออยู่แล้ว
จนสุดท้ายแทนที่จะรู้สึกดีกับรสชาติที่ชอบกลับทำให้รู้สึกผะอืดผะอม
จุกเสียดแน่นท้องตามมา
2. รับประทานแบบไม่เร่งรีบ
เสพบรรยากาศการสนทนา
เทคนิดที่อยากแนะนำต่อมาคือ
พยายามพูดคุย สลับกับการ รับประทานอย่างช้า ๆ ไม่เร่งรีบ โดยเคี้ยวให้ละเอียด
เพราะการรับประทานแบบเร่งรีบ เป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดอาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อ
ยิ่งหากเคี้ยวไม่ละเอียด อาหารไม่ย่อย แทนที่จะอิ่มอร่อยกลับไปนอนหลับฝันดีที่บ้าน
เลยต้องไปหายาแก้ท้องอืดมารับประทาน พร้อมกับทนทรมาน นอนฝันร้ายไปทั้งคืน
3. ความหลากหลายของชนิดอาหารก็สำคัญ
อย่าเลือกรับประทานเฉพาะอาหารโปรดของคุณเท่านั้น
เช่นหากชอบทานเนื้อสัตว์ และอาหารทะเล ก็ทานได้แต่ควรมีผัก
และเครื่องเคียงไว้ทานควบคู่ไปด้วยในปริมาณที่เหมาะสม
จะยิ่งทำให้รสชาติของอาหารที่คุณชื่นชอบโดดเด่น และถูกปากมากยิ่งขึ้น
เช่นหากชอบทานเนื้อ ทางกุ้ง ทานเบคอน ก็ทานได้ตามใจชอบแต่ควรรับประทานผักควบคู่ไปพร้อม
ๆ กัน จะทำให้รสชาติของเนื้อสัตว์ที่คุณชื่นชอบออกรสออกชาติมากกว่าเดิม
แถมได้ประโยชน์จากผัก ได้ไฟเบอร์ ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้นอีกต่างหาก
4. หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่ติดมันมาก
ๆ อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง
หลายคนที่มีอาการท้องอืดเป็นประจำ
โดยเฉพาะคนที่มีอาการกรดไหลย้อน อาจเคยสังเกตพบว่า
อาหารที่มีปริมาณไขมันอิ่มตัวสูง จะกระตุ้นให้เกิดอาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง
ตามมาได้ง่าย ดังนั้นหากคุณชอบรับประทานเนื้อสัตว์
ก็ควรเลือกทานเนื้อที่มีมันติดเล็ก ๆ น้อย ๆ
หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ประเภทที่ติดมันเยอะจนเกินไป
เช่น เนื้อสามชั้น เบคอน รวมถึงของทอดต่าง ๆ
ที่จะทำให้คุณได้รับพลังงานเยอะมากเกินความต้องการ
และเกิดการสะสมของคอเลสเตอรอลไม่ดีในผนังหลอดเลือดตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย
แถมยังไปกระตุ้นให้อาการกรดไหลย้อนของคุณกำเริบขึ้นมา จนท้องอืด จุกเสียดแน่นท้อง
อย่างทรมาน เพราะไขมันที่ค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนาน ๆ ทำให้รู้สึกแน่น อืด
ท้องไส้ปั่นป่วน เหมือนอาหารจะไม่ย่อย และพุงยื่นได้
5. เลือกเครื่องดื่มไร้น้ำตาล
หรือมีปริมาณแคลอรี่ต่ำ และดื่มปริมาณที่เหมาะสม
เครื่องดื่มที่ทานแล้วเข้ากับอาหาร
ช่วยส่งเสริมคุณให้เอร็ดอร่อย เอ็นจอยกับอาหารมื้อนั้น ๆ ได้มากยิ่งขึ้น เช่น
น้ำอัดลม กับ พิซซ่า หรือ หมูกระทะ อาหารทะเลกับไวน์ขาว หรือ
อาหารญี่ปุ่นกับชาเขียว ดังนั้นทริคสำคัญในการเลือกเครื่องดื่มเหล่านี้
คือการเลือกชนิดที่ไร้น้ำตาล หรือมีปริมาณแคลอรี่ต่ำ
เพื่อให้คุณไม่ต้องมารู้สึกผิดกับปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับมากมายอย่างไม่คาดคิด
และหากคุณห้ามใจได้ การดื่มน้ำเปล่า เพียง 1-2 แก้ว
ร่วมกับการรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์ ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
6. สวมใส่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่สบาย
บ่อยครั้งอาการท้องอืดจุกเสียด
แน่นท้อง หลังการรับประทานอาหาร ก็เกิดขึ้นได้เพราะการบีบรัดของเสื้อผ้าที่สวมใส่
ดังนั้น ในการรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์ คุณจึงควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่สบายๆ
ไม่บีบรัด คับแน่นจนเกินไป หากเป็นเสื้อผ้าที่เนื้อผ้ายืดหยุ่นตามสรีระร่างกายได้
ก็จะยิ่งทำให้คุณรู้สึกไม่แน่น ไม่อึดอัด ทั้งในระหว่าง หรือหลังรับประทาน
7. ชาสมุนไพรอุ่น ๆ
เรียกน้ำย่อย และเผื่อท้องไว้สำหรับผลไม้ล้างปาก
รสขมต่าง ๆ
ช่วยกระตุ้นให้น้ำย่อยในร่างกายให้ขับออกมาทำงานได้ดี
ดังนั้นก่อนรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์มื้อหนัก ๆ ลองทานมะกอก
หรือชาสมุนไพรรสขมเล็กน้อยก่อนอาหาร ก็จะสามารถช่วยลดอาการอึดอัดแน่นท้องที่จะตามมาได้
รวมถึงการเผื่อท้องไว้รับประทานผลไม้ปิดท้ายบุฟเฟ่ต์ อย่าง แอ๊ปเปิ้ล สับปะรด
หรือมะละกอ ที่มีเอนไซม์สูงช่วยย่อยอาหาร แถมยังมีสรรพคุณเป็นยาลดกรด
ลดการระคายเคือง ช่วยให้การย่อยอาหาร มีประสิทธิภาพดีขึ้น
8. งดเว้นการนอนหรือการออกกำลังกายหนัก ๆ
ทันทีหลังทานบุฟเฟ่ต์
อาหารแต่ละชนิดมีระยะเวลาในการย่อย
และดูดซึมไม่เท่ากัน ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ราว 2-3
ชั่วโมง ดังนั้นหากเป็นไปได้
คุณควรสิ้นสุดการรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์ ก่อนการเข้านอน หรือการออกกำลังกายหนัก
ไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ป้องกันการเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และกรดไหลย้อนขณะนอนหลับได้
ที่มมา https://www.gedgoodlife.com/health/103664-having-buffet-without-flatulence/